วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

หมูย่างจิ้มแจ่ว


สิ่งที่ต้องเตรียม
1. สันคอหมู ซื้อที่โลตัส (อีกแล้ว) 
2. น้ำมะนาว (ในรูปใช้ใบเดียวเอง)
3. พริกไทยเม็ด
4. พริกป่น
5. ผักชีฝรั่งซอยหยาบ 
6. ซอสปรุงอาหารแม็กกี้
7. ซอสหอยนางรมแม็กกี้
8. ซอสเหยาะจิ้ม แม็กกี้ หมูปิ้ง
9. น้ำตาลทราย
ขั้นตอน :
1. หมักหมูกันก่อน โดยเอาหมูมาหั่นเป็นชิ้นๆ (ยังไม่ต้องซอยนะ) แล้วใส่ซอสปรุงอาหารแม็กกี้ 1 ช้อนโต๊ะ / ซอสหอยนางรมแม็กกี้ 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยเม็ดตำแหลก แล้วคลุกๆๆๆๆ เอาไปแช่ตู้เย็นจับเวลา ½ ชมเลย
2. จี่หมู โดยวิธีดังนี้
ตั้งไฟกลางๆใส่น้ามันเล็กน้อย หมูปิ้ง
- เมื่อน้ำมันร้อนแล้วจัดเนื้อหมูลงไปเลย 
- คอยกลับหมูเรื่อยๆ นะ พอดูเนื้อว่าสุกแล้วก็เอาขึ้น
วิธีทำ : น้ำจิ้มแจ่ว 
- ใส่ซอสแม็กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำมะนาว 
- พริกป่นใส่เยอะถ้าชอบเผ็ด 
นำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกให้เข้ากัน

ขอบคุณที่มา .tnews.co.th

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

หมูปิ้ง สูตรกะทิ หวาน นุ่ม ถูกใจคนทั้งโลก


อยากทำหมูปิ้งขาย ไม่มีสูตร ทำอย่างไร สูตรหมูปิ้งเงินล้าน หวาน นุ่ม มัน วิธีทำหมูปิ้ง สูตรกะทิ สอนทำหมูปิ้ง ปิ้งหมูอย่างไรให้อร่อย หมูปิ้ง วิธีทำ กับข้าวง่ายๆ

ส่วนผสมสำหรับทำ หมูปิ้งสูตรกะทิ

หมูสันนอก หรือ หมูสันใน 1 กิโล
มันหมู 1/2 กิโล
รากผักชีบด 2 ช้อนโต้ะ
กระเทียมบด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต้ะ
น้ำมันหอย 4 ช้อนโต้ะ
ซอสถั่วเหลือง 4 ช้อนโต้ะ
น้ำมันงา 2 ช้อนโต้ะ
หัวกะทิ 1 ถ้วย
เกลือ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต้ะ
ไม้จิ้มลูกชิ้น 1 มัด

ขั้นตอนการทำ หมูปิ้งสูตรกะทิ

1. หั่นเนื้อหมุและมันหมู ความหนาประมาณ 3 มิล และกว้างประมาณ 3 เซ็นติเมตร จากนั้นเตรียมน้ำหมักหมู โดย
2. ผสม รากผักชี กระเทียม น้ำมันงา น้ำมันหอย ซอสถั่วเหลือง หัวกะทิ น้ำตาล เกลือ และน้ำมันพืช ให้เข้ากัน จากนั้นนำหมูและมันหมูที่หั่นไว้แล้วลงไปนวด
3. นวดจนเนื้อหมูและมันหมู ดูดน้ำหมักจนแห้ง จากนั้นเติมแป้งข้าวโพดลงไปนวดกับหมู และนำไปใส่กล่องและแช่ในตู้เย็น 1 คืน
4. เมื่อหมักหมู 1 คืนแล้ว นำมาเสียบไม้ โดยไม้ที่ใช้เสียบต้องแช่น้ำก่อน 1 คืน เช่นกัน เพื่อให้ไม้อุ้มน้ำเวลาปิ้งไม้จะไม่ไหม้ เสียบหมูโดยให้เนื้อหมูสลับกับมันหมู ให้ได้ขนาดตามที่เราต้องการ เสียบเสร็จก็นำเนื้อหมูเสียบไม้แล้วแช่ในตู้เย็นต่ออีก 1 คืน จากนั้นเราก็สามารถนำมาปิ้ง เป็นหมูปิ้งกะทิ เงินล้านได้แล้ว เคล็ดลับการปิ้งหมูให้อร่อย คือ ใช้ไฟอ่อน ปิ้งหมูให้สุกเป็นด้านๆ อย่าพลิกหมูกลับไปกลับมา แค่นี้ เราก็จะได้หมูปิ้งที่ หวาน อร่อย แล้ว
ขอบคุณที่มา nlovecooking.com

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

เลือกเนื้อหมูอย่างไร ปลอดภัยจาก "สารเร่งเนื้อแดง"


 ผู้บริโภคหลายคนเชื่อว่าการมีสุขภาพดี ล้วนขึ้นอยู่กับอาหารและวัตถุดิบที่เราบริโภคเข้าไป ยิ่งถ้าเราเลือกสรรอย่างดีสะอาดปลอดภัยไร้สารปนเปื้อน ก็จะทำให้มีสุขภาพดี ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ เลือกวัตถุดิบที่มีสารเจือปนมาแล้วละก็ คุณอาจจะมีโรคภัยแฝงอยู่ตามร่างกาย ก็เป็นได้ ซึ่งในปัจจุบันนับว่าผู้บริโภคโชคดีเป็นอย่างมากที่มีหน่วยงานเข้ามา สอดส่องดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงได้รับความร่วมมือ จากเครือข่ายภาคเกษตรกรและประชาชนทุกคน
          อย่างในกรณีเนื้อสัตว์ ที่มีกรมปศุสัตว์คอยตรวจสอบเรื่องนี้อยู่เสมอ โดยเฉพาะการลักลอบใช้สารกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'สารเร่งเนื้อแดง' เพื่อปกป้องคุ้มครอง ผู้บริโภคเนื้อหรือผลิตภัณฑ์จากสุกรไม่ให้ได้รับอันตรายจากสารเร่งเนื้อแดง โดยเน้นการควบคุมและตรวจสอบฟาร์มสุกร รวมถึงโรงฆ่าสัตว์ทั่วประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอยกนิ้วชื่นชมกับการทำงานอย่างแข็งขันของ กรมปศุสัตว์ เพราะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค หมูปิ้ง ว่าเนื้อสัตว์ของไทยปลอดภัยบริโภคไดอย่างไร้กังวล
          นอกจากนี้ กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ยังได้ประกาศห้ามใช้สารดังกล่าวเป็นส่วนผสมในการผลิต และนำเข้า ซึ่งอาหารสัตว์ ตามพระราชบัญญัติ ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2525 และพระราชบัญญัติ ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 ซึ่งที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ ได้ทำโครงการแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่ง ในหมูมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการรณรงค์ให้เกษตรกรเลิกใช้สารเร่งเนื้อแดงเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของ ผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็ได้เร่งเข้าตรวจสอบ ผู้ประกอบการอย่างเข้มงวดมากขึ้น พร้อมทั้งปราบปรามอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทย ได้เริ่มดำเนินนโยบายความปลอดภัยทาง ด้านอาหารเมื่อปี 2546 ทุกภาคส่วนก็ได้มีมาตรการต่างๆ เพื่อตอบสนองนโยบาย ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาตลอด และจากความเข้มงวดในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ ทำให้มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงของผู้เลี้ยงสุกรลดลง

          เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้บริโภคก็เริ่มอุ่นใจและไว้วางใจเนื้อหมูของไทย เพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าจะให้ดีเราก็ต้องคอยระมัดระวังในการเลือกซื้อเนื้อหมู เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เวลาซื้อเนื้อหมูอาจจะ ไม่สามารถมองเห็นความแตกต่างระหว่างหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดง กับหมูที่ปลอดสารเร่งเนื้อแดงได้ ดังนั้นผู้บริโภคจึงควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หมูสด จากผู้ประกอบการที่เชื่อถือได้ และที่สำคัญคือได้รับการรับรองผ่านมาตรฐานจาก กรมปศุสัตว์ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่เลือกซื้อไปปลอด สารเร่งเนื้อแดง หมูปิ้งนมสด และปลอดภัยจากยาปฏิชีวนะและสารตกค้างต่างๆ ยิ่งถ้าสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ก็จะยิ่งส่งเสริมให้เกิดความมั่นใจ ในคุณภาพว่าปลอดภัยแน่นอน
          สำหรับการเลือกซื้อเนื้อหมูใน ครั้งต่อๆ ไป ขอให้ผู้บริโภคใส่ใจ รายละเอียดดังกล่าว เพื่อให้ได้เนื้อหมูคุณภาพดีมาบริโภคอย่างปลอดภัย


วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

วิธีทำ หมูกรอบ ให้อร่อยง่ายนิดเดียว

วิธีทำ หมูกรอบ ให้อร่อย กรอบนอกนุ่มไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ ทำให้หมูกรอบนั้นมันสุกทั่วกันมีเคล็ดลับทำไม่ยากเลย


วัตถุดิบก็ไม่มีอะไรมาก แค่เตรียมหมู 3 ชั้น เกลือ 1 ช้อนชา น้ำมันพืช
วิธีทำ
  1. ต้มน้ำ ปริมาณน้ำให้ท่วมตัวหมูสามชั้น และใส่เกลือลงไป
  2. พอน้ำเดือดดีแล้ว ใส่หมูสามชั้นลงไปเลย ต้มประมาณ 5 นาที
  3. น้ำหมูขึ้นมาสะเด็ดน้ำ แล้วพักไว้จนแน่ใจว่าแห้งดีไม่มีน้ำในหมูเพราะตอนนำไปทอดถ้ามีน้ำอาจทำให้น้ำมันกระเด็นได้
  4. ตั้งน้ำมันให้พอท่วมพอดีกับหมูสามชั้น (แนะนำให้ใช้หม้อทอดเพื่อไม่เปลืองน้ำมัน) ตั้งไว้จนน้ำมันเดือดจากนั้นลดไฟให้อยู่ระดับปานกลาง และใส่หมูสามชั้นลงไปเลย ทอดจนเหลืองกรอบ แค่นี้เป็นอันเสร็จ หมูปิ้ง หมูปิ้งนมสด


ขอบคุณที่มา  food.mthai.com

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559

วิธีการการดูแลหมูขุน


การเลี้ยงหมูขุนเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่เกษตรกรในหลาย ๆ พื้นที่สนใจเลี้ยง แต่ถ้าเกษตรนำหมูมาเลี้ยง โดยให้อาหารเพียงอย่างเดียว ก็ไม่ทำให้เกิดอะไรดีขึ้น 
คุณสมพักตร์ ศรีนิล ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนการเลี้ยงหมูหลุมบ้านหน้าเขา อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ชี้แนะทางเลือกการเลี้ยงหมูขุนเพื่อเป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเกษตรกรที่มีอาชีพนี้ กล่าวว่าตนเองได้เลี้ยงหมูขุนไว้ จำนวน 1 คอก ซึ่งเป็นคอกปูพื้นซีเมนต์ขนาดคอกกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร เลี้ยงหมูจำนวน 10 ตัว เลี้ยงมานานแล้ว โดยเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้ให้กลับครอบครัวเป็นอย่างดี การทำหมูปิ้ง หมูปิ้งนมสด

วิธีการเลี้ยงหมูขุน ทำได้ดังนี้ 
1.เมื่อนำหมูมาเลี้ยง ให้เกษตรกรนำน้ำมาใส่ไว้ในคอกหมูส่วนหลังของคอก แล้วก็ล้างคอกวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น โดยจะมีน้ำขี้หมูไหลไปลงบ่อ
2.ขุดบ่อ 1 ลูก ขนาดบ่อ ใช้ปล่องซีเมนต์ ขนาด 120 ซ.ม. จำนวน 5 ลูกซ้อนกัน
3.ใช้สารเร่ง พ.ด. 6 ละลายน้ำ 1 ปี๊บ นำเศษอาหาร จำนวน 40 กิโลกรัม กากน้ำตาล 10 กิโลกรัม ผสมรวมกันหมักไว้ 12 วัน เก็บไว้ในที่ร่ม ใช้ราดคอกอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เพื่อลดกลิ่นเหม็นของคอกหมู หรือจะนำไปผสมกับอาหารหมูขุน อัตราส่วน 1: 5 ใส่ให้หมูกิน เมื่อหมูถ่ายออกมากลิ่นของขี้หมูก็จะไม่มีกลิ่นเหม็นที่รุนแรง
4.เมื่อเลี้ยงหมู ได้อายุ 4 เดือน น้ำหนักของหมูที่เลี้ยงจะอยู่ที่ 80 - 125 กิโลกรัม ต่อ 1 ตัว หมูจะโตเร็ว สุขภาพหมูดีและสะอาด
5.นำขี้หมูที่ล้างลงบ่อซีเมนต์ สูบไปใช้รดต้นไม้ในสวนผลไม้ สวนยางพารา ก็ช่วยให้ได้ผลผลิตดีขึ้นอีกด้วย
ข้อดี 
1. ได้ปุ๋ยหมักน้ำใช้โดยไม่ต้องใช้แรงงานเพิ่ม ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
2. ไม่มีมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
3. หมูโตเร็ว สุขภาพดีไม่มีปัญหาเรื่องการเลี้ยง

เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนเลี้ยงหมูขุนให้ได้น้ำหนักดีและมีคุณภาพ แบบง่าย ๆ ที่มีประโยชน์มากมาย หากเกษตรกรท่านใดสนใจเกี่ยวกับการเลี้ยงหมูขุนเพิ่มเติม สามารถติต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงหมูบ้านหน้าเขา อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เบอร์โทรศัพท์ 089-4699124
แหล่งที่มาของข้อมูล : สมพักตร์ ศรีนิล. สัมภาษณ์, 12 ตุลาคม 2555.
เรียบเรียงข้อมูลโดย : นงพงา ไกรวิลาศ. เจ้าหน้าที่สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกันจังหวัดชุมพร.

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

ทำเลในการขายหมูปิ้ง



ทำเลในการขายหมูปิ้ง
     สำหรับท่านที่กำลังมองหาอาชีพเสริม บทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับท่านบ้าง ไม่มากก็น้อยค่ะ 
หมูปิ้ง หมุปิ้งนมสด สามารถทำเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักก็ได้ค่ะ เพราะท่านขายแค่ช่วงเช้า และ ช่วงเย็นก็พอ ทำให้ช่วงกลางวันท่านสามารถไปทำงานอย่างอื่นๆ ได้สบายเลยค่ะ แต่ถ้ามาดูกำไรจากการขายหมูปิ้ง นั้นที่กลับไม่ธรรมดาเลยน่ะค่ะ สามารถนำมาทดแทนรายได้จากอาชีพหลักได้สบายค่ะ ทำไมเราจึงพูดเช่นนั้น เราลองมาคำนวณกันดูได้ค่ะว่าวันหนึ่งเราจะทำรายได้จากการขายหมูปิ้งได้ขนาดไหน
   

 ยกตัวอย่างกันเลยน่ะค่ะ
          สมมุติว่าตอนเช้า ท่านขายตั้งแต่ 06:00-09:00 ใช้เวลา3ชั่วโมง ขายได้ 200ไม้ ข้าวเหนียวอีก 120 ห่อ กำไรที่ท่านจะได้ คือ กำไรจากหมูปิ้ง 200x3.5 = 700 (3.5มาจากซื้อหมูปิ้งขายส่งมา6.5บาท/ไม้  ปิ้งขายไม้ละ10บาท กำไร 3.5ค่ะ  บวกกับกำไรจากการขายข้าวเหนียว 120x2.5 =300 บาท (ค่าข้าวเหนียวต้นทุนข้าวสารประมาณ2.5บาท  นึ่งขาย5บาท กำไร2.5บาท/ห่อ) รวมเป็น 1,000บาท หักค่าถ่าน,ค่าอื่นๆไม่เกิน200บาท  ท่านจะได้กำไรสุทธิ 800บาท ในช่วงเช้า  และถ้าขายช่วงเย็นอีกลูกค้าอาจจะไม่เยอะเท่าช่วงเช้า ได้กำไรซักครึ่งหนึ่งของตอนเช้าเป็น 400บาท รวม1วันท่านมีรายได้1,200บาท/วัน  ถ้าหนึ่งเดือนหละค่ะ  ท่านขายทุกวันเลย ก็เอา 1,200x30= 36,000 บาทเลยน่ะค่ะ  เป็นไงบ้างค่ะเห็นรายได้เเล้วลืมอาชีพหลักไปเลยหรือเปล่าค่ะ  แต่ว่าท่านคงจะมีคำถามในใจอีกอย่างคือจะขายที่ไหนดี  นี้แหละครับคือหัวใจของรายได้ เพราะทำเลในการขายจะเป็นส่วนสำคัญที่จะกำหนดยอดขายของเรา แต่รสชาติความอร่อยของหมูก็สำคัญน่ะครับ

ทำเลในการขายหมูปิ้ง ที่แนะนำ
- สำหรับหมูปิ้งควรขายบริเวณ หน้าโรงเรียน, ตามตลาดชุมชน,ตลาดนัด, หน้านิคมอุตสาหกรรม,ริมถนนทุกเส้นที่มีคนเร่งรีบไปทำงาน,หน้าหอพักขนาดใหญ่,สถานีรถไฟ,บนรถไฟช่วงเช้า หรือ จุดที่มีคนผ่านเยอะๆ จะขายดีมากค่ะ
 -ทำเลอื่นๆที่ท่านควรมองหานอกจากนี้ให้ยึดถือรูปแบบประมาณว่า ต้องเป็นจุดที่มีคนเร่งรีบผ่านเยอะๆๆ ในตอนเช้าและตอนเย็น เพราะจะทำให้ผู้ที่ผ่านไปมามองเห็นและตัดสินใจซื้อได้ง่าย ด้วยความเร่งรีบของเขาทำให้ต้องทานอาหารที่สะดวกรวดเร็ว หมูปิ้งจึงเป็นคำตอบให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ค่ะ

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559

น้ำจิ้มแจ่ว วิธีทำ น้ำจิ้ม สูตรน้ำจิ้มรสเด็ด


วิธีทําน้ําจิ้มแจ่ว สูตรน้ําจิ้มแจ่ว สูตรน้ำจิ้มรสชาติจัดจ้าน เหมาะกับงานปาร์ตี้ปิ่งย่าง น้ำจิ้มไทย น้ําจิ้มหมูย่าง 
หมูปิ้ง ทําน้ําจิ้มแจ่ว การทําน้ําจิ้มแจ่ว

สูตรน้ำจิ้ม ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้มแจ่วกระกอบด้วย

พริกป่น 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต้ะ
ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ผักชี หรือใบสาระแหน่

สูตรน้ำจิ้ม ขั้นตอนการทำน้ำจิ้มแจ่ว มีดังนี้

1. เตรียมชาม จากนั้นนำ พริกป่น ข้าวคั่ว น้ำตาลปี๊บ และ น้ำปลา ผสมให้ส่วนผสมเข้ากัน
2. จากนั้นค่อยๆเติมน้ำมะนาวทีละนิด จนได้รสชาติที่พอใจ
3. เสริฟใส่ถ้วยน้ำจิ้ม โรยใบหอม หรือใบสาระแหน่ ทานกับปลานึ่ง ไก่ย่าง หมูปิ้ง หมูปิ้งนมสด หรือผักลวกก็ได้

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

วิธีการขาย ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เป็นอาชีพเสริม รวมเคล็ดลับการทำกำไรและเรียกลูกค้า


  การดำเนินชีวิตของคนไทยในยุคนี้ ไม่ว่าอะไรก็ดูเร่งรีบไปเสียหมด โดยเฉพาะเรื่องของการรับประทานอาหารเช้าก็ต้องเร่งรีบเช่นกัน ยิ่งกับคนทำงานที่ต้องแข่งกับเวลาละก็ไม่ต้องพูดถึง อาหารเช้าของคนทำงานจึงจำเป็นต้อง สะดวก รวดเร็ว และอิ่มท้อง "แล้วอะไรล่ะ?"  ที่ง่าย สะอาด สะดวก รวดเร็ว และอิ่มท้อง คำตอบก็คือ"ข้าวเหนียวหมูปิ้ง"  ช่องทางทำเงินในวันนี้นายอาชีพจึงหยิบยกธุรกิจทำเงินอีกหนึ่งอาชีพที่ทำเงินว่าด้วยเรื่องการขายข้าวเหนียวหมูปิ้งมาวิเคราะห์ สาเหตุที่การขายหมูปิ้งยังเป็นอาชีพเสริมที่ทำเงินให้กับผู้ขายอยู่ ก็มีไม่กี่เหตุผลครับ อย่างที่กล่าวไว้ วัฒนธรรมการกินดื่มของคนไทยโดยปกตินั่นกินง่ายอยู่ง่าย สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาและมีชีวิตที่เร่งรีบ ข้าวเหนียวหมูปิ้งจึงตอบโจทย์และครองแชมป์อาหารเช้าแบบเร่งด่วนได้ดีที่สุดครับ

พัฒนาการของข้าวเหนียวหมูปิ้งเสียบไม้
ทุกวันนี้ก้าวไกลไปมากครับ สูตรต่างๆได้เกิดขึ้นมากมาย เช่น หมูปิ้งนมสด หมูปิ้งพริกไทยดำ หมูปิ้งสมุนไพร และอีกมากมายที่เราเห็นตามท้องถนน การทำหมูปิ้งเป็นศิลปะอย่างหนึ่งซึ่งไม่ได้เอาแค่เนื้อหมูมาหั่นบางๆแล้วเสียบไม้ขายแบบลวกๆ คุณภาพและความแตกต่างคือจุดแข็งของการขายครับ ยิ่งผู้ขายสร้างความแตกต่างมากเท่าไหร่ ผู้บริโภคก็ต้องอยากลิ้มลองเป็นเรื่องธรรมดา อีกทั้งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหมูปิ้งที่ทำขายอีกด้วย
ลองนึกภาพตามครับ มีร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งอยู่ 2 ร้านอยู่ติดกัน รสชาติเหมือนกัน ราคาเท่ากัน
ร้านแรก ธรรมดามากๆไม่มีป้ายไม่มีอะไรเลย ขายไปวันๆ
ร้านที่สอง เจ้าของยิ้มแย้มแจ่มใส่ ติดป้ายร้าน สร้าง story และเรื่องราวให้หมูปิ้ง เช่น หมูปิ้งเจ้าเก่าจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา อร่อย สะอาด ราคากันเอง
ขอถามคุณผู้อ่านว่าร้านข้าวเหนียวหมูปิ้ง 2 ร้านนี้ ร้านไหนน่าเข้าไปอุดหนุนครับ

วิธีการขายหมูปิ้งให้ได้กำไร รวมถึง สูตรการทำหมูปิ้ง
จริงแล้วสูตรการทำหมูปิ้งก็ไม่ได้มีอะไรมากมายครับ อยู่ที่การพลิกแพลงนิดๆหน่อยๆ สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือการเลือกวัตถุดิบหรือการเลือกใช้ส่วนไหนของตัวหมู โดยส่วนใหญ่ผู้ขายมักจะเลือกส่วนที่เรียกว่า สันคอหมู หรืออาจจะเลือก สันขาหลัง และติดมันเล็กน้อย  การเลือกส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆครับ เพราะรสชาติย่อมแตกต่างกัน

เมื่อได้เลือกสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือสูตรที่ใช้ในการหมัก
สูตรและส่วนผสมทั่วๆไปที่ใช้ในการหมักหมูปิ้ง ก็มีดังนี้ น้ำตาลทราย เกลือป่น ซอส ซีอิ้วดำ น้ำมันหอย พริกไทย รากผักชี เครื่องเทศ น้ำมันพืช นมสด หรือ นมข้มจืด อื่นๆ นำมาผสมแล้วหมักให้เข้ากัน ส่วนใครอยากจะเพิ่มเติมอะไรลงไปก็แล้แต่สูตรของแต่ละคน เช่น สมุนไพร เป็นต้น

คราวนี้ มาพูดถึงข้าวเหนียวกันบ้างครับ ข้าวเหนียวถือเป็นองค์ประกอบสำคัญเลยทีเดียว อย่าคิดว่าไม่สำคัญนะ เพราะหมูปิ้งร้อนๆ แน่นอนว่าก็ต้องคู่ควรกับข้าวเหนียวร้อนๆนุ่มๆด้วยเช่นกัน คงไม่มีลูกค้าคนไหนชอบกินข้าวเหนียว แข็งๆ เย็นๆ เชื่อผมเถอะ

การตั้งราคาหมูปิ้ง 
การตั้งราคาต้องให้สมเหตุสมผลครับ หักลบกลบต้นทุนทุกอย่างแล้วก็ควรให้พออยู่ได้ก่อนในช่วงแรกๆ พอติดตลาดแล้วลูกค้าถูกใจแล้วบอกต่อ ต่อไปก็ขายไม่ทันเองแหละครับ ขอให้จำหลักง่ายๆว่า ลูกค้าชอบ ประหยัด สะอาด อร่อย และมีคุณภาพ อย่าลืมว่าคนไทยชอบของถูกและดีมีประโยชน์ครับ (แม้แต่ตัวนายอาชีพเอง ก็ชอบครับ ของถูกและดี อิอิ)

ทำเลที่ตั้งในการขายหมูปิ้งก็สำคัญนะ
การตั้งร้าน ควรหาที่ตั้งที่มีคนพลุกพล่าน หรือมีผู้คนพอสมควร เช่น แถวๆ โรงเรียน บริษัท โรงงาน คิวรถ หมู่บ้าน ปั้มน้ำมัน ตลาดสด  ทำเลทองที่กล่าวมานี้ จะช่วยทำให้ธุรกิจร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งของท่านนั้นไปได้ดีและขายหมดในพริบตา เพราะควันและกลิ่นของหมูปิ้งจะเป็นตัวเชิญชวนลูกค้าให้แวะเวียนมาเอง ไม่ต้องไปจ้างโฆษณาที่ไหนครับ

ช่วงเวลาในการขายหมูปิ้ง
นายอาชีพแนะนำให้ขายในช่วงเช้า หรือช่วงเย็นนะครับ หรือถ้าขายดีจริงๆก็เหมาสองรอบเลยก็ไม่ว่า ไม่แนะนำให้ขายในช่วงกลางวันนะครับ เพราะช่วงกลางวันคนส่วนใหญ่มักจะเลือกรับประทานกันครับ น้อยมากที่จะมีข้าวเหนียวหมูปิ้งเป็นตัวเลือกของอาหารกลางวันครับ

สรุปอาชีพเสริมการทำหมูปิ้ง
ธุรกิจการทำข้าวเหนียวหมูปิ้งยังเป็นอาชีพเสริมที่ทำเงินที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านานครับ สำหรับผู้ที่ต้องการทำเป็นอาชีพอิสระก็ควรที่จะศึกษาสูตรต่างๆและนำมาประยุกต์หรือดัดแปลงให้แตกต่างครับ และการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ที่สำคัญก็เรื่องของทำเลครับ นายอาชีพรับรองว่าธุรกิจร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งจะสร้างรายได้และทำกำไรให้กับท่านได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ

ขอบคุณที่มา นายอาชีพ

ว่าด้วยเรื่องของการ"ย่าง"


อาหารย่าง

ความรู้เรื่องการย่างอาหาร


  • การย่าง เป็นวิธีทำอาหารแบบหนึ่ง ที่ใช้ความร้อนในการทำให้อาหารสุก โดยการเตรียมไฟ หรือแหล่งให้ความร้องจากด้านล่าง แล้วให้ความร้อนมาสู่อาหาร การรใช้ไฟ หรือขนาดความร้อนจะมาหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณและความต้องการของผู้ทำอาหาร การเลือกใช้ไฟในการทำอาหารเป็นอีกสิ่งที่สำคัญ ในการทำอาหาร ในขณะย่างต้องพริกอาหารกลับไปมาเป็นระยะๆ เพื่อให้ความร้อนเข้าถึงด้านในและสุกอย่างทั่วถึง ในอาหารไทย อาหารที่ใช้การย่างมีทั้งแบบอาหารถูกย่างโดยตรงกับไฟ หรือการนำวัสดุอย่างอื่น มาห่อก่อนนำไปย่าง เช่น การน้ำใบตอง หรือใบเตยมาห่อ จะทำให้อาหารมีกลิ่งหอมน่ารับประทาน วัตถุดิบที่จะใช้วิธีนี้ สามารถใช้ได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น หมู ไก่ ปลา หรือแม้กระทั้งผัก หรือผลไม้ สามารถนำมาทำอาหารได้ทั้งนั้น อาหารย่างที่คนไทยนิยมมีทั้ง หมูย่าง หรือหมูปิ้ง, ไก่ย่าง, ปลาย่าง และอื่นๆ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

วิธีเลือกซื้อหมูเนื้อแดง อยากรู้..กดเลย!!



หมูเนื้อแดง เป็นวัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์สำหรับประกอบอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชนิดหนึ่ง เนื่องจากนำมาทำอาหารได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด ยำ ต้มยำ ก๋วยเตี๋ยว หมูปิ้ง หมูปิ้งนมสด หรือจะลวกจิ้มน้ำจิ้มก็ยังอร่อยจนเอาใครเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม ^ ^
ปัจจุบันมีการเลี้ยงหมูเป็นอุตสาหกรรม กล่าวคือเลี้ยงเป็นจำนวนมาก มีกำหนดเวลาการเลี้ยงที่แน่นอน มีการกำหนดสูตรอาหารให้หมูโตได้ขนาดในเวลาที่กำหนด มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้เนื้อหมูในปริมาณที่ต้องการ คุณภาพตามที่กำหนด และต้นทุนการเลี้ยงต่ำที่สุด
ในขณะเดียวกันก็มีฟาร์มหมูที่ไม่ได้ได้มาตรฐานหรือแอบใช้สารเคมีต้องห้ามเพื่อเร่งการเจริญเติบโตและเร่งเนื้อแดงให้มีมากกว่าปกติ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ล้วนแต่สร้างผลเสียต่อผู้บริโภคทั้งสิ้น

ดังนั้นสามารถกล่าวได้ว่าหมูเนื้อแดงที่มีขายในท้องตลาดมีทั้งคุณภาพดีและไม่ดีผสมกัน วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกหมูเนื้อแดงที่ถูกต้อง ดังนี้
วิธีเลือกซื้อหมูเนื้อแดง
1. หมูเนื้อแดงที่ดีต้องมีสีชมพูสดถึงแดง แต่จะไม่แดงมาก และต้องไม่เป็นสีอื่นด้วย
2. ลักษณะเนื้อต้องละเอียด ไม่หยาบ
3. ไม่มีปุ่มขาวๆแทรกในเนื้อหมู เพราะจะเป็นเนื้อหมูที่มีพยาธิ
4. กลิ่นต้องเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่แรงเกินไป
5. ไม่มีแมลงต่างๆตอม
6. เมื่อใช้นิ้วกดที่เนื้อแดง ต้องคืนตัวได้ดีไม่เกิดรอยบุ๋มตรงที่เรากด
7. สถานที่วางขายหมูเนื้อแดงนั้นต้องสะอาด พ่อค้าแม่ค้าแต่งตัวสะอาดและรัดกุม
8. ถ้าต้องการเนื้อหมูในตลาดสด ต้องไปซื้อแต่เช้า จะได้ของที่สดใหม่
9. ซื้อหมูเนื้อแดงที่ขายในราคาตลาด เนื้อหมูที่ราคาถูกเกินไป อาจเป็นเนื้อหมูเก่าหรือไม่ได้มาตรฐาน
10. ซื้อจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน ไว้ใจได้ หรือซื้อจากห้างสรรพสินค้า
วิธีเลือกซื้อหมูเนื้อแดง 10 ประการข้างต้น เป็นสิ่งที่พ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลายต้องท่องให้ขึ้นใจก่อนซื้อเนื้อหมูมาประกอบอาหารทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นท่านอาจได้หมูเนื้อแดงที่ไม่สด ไม่สะอาด เป็นของเก่า ปนเปื้อนเชื้อโรค หรือถูกเลี้ยงด้วยสารเร่งเนื้อแดง เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดการปรุงเนื้อหมู หมูปิ้ง ต้องปรุงสุกเท่านั้น ห้ามกินหมูเนื้อแดงดิบหรือสุกๆดิบๆเป็นอันขาด


วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

วิธีการซื้อเนื้อหมู มาใช้ในการทำเมนูต่างๆ

ในบรรดาเนื้อสัตว์ที่นิยมบริโภคกันโดยทั่วไป คงหนีไม่พ้นเนื้อเนื้อหมู ซึ่งในบางครั้งเวลาไปซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตหรือเดินจ่ายตลาดสด เราจะมีเมนูที่อยากรับประทานอยู่ในใจ แต่ปัญหาคือว่าเมนูนั้นที่เราตั้งใจทำ ควรจะใช้เนื้อส่วนไหนมาทำถึงจะอร่อยเลิศที่สุด 
ดังนั้นคุณพ่อบ้านแม่บ้านไม่ต้องกังวลอีกต่อไป วันนี้เราขอนำเสนอข้อมูลดีๆเกี่ยวกับการเลือกซื้อเนื้อส่วนๆ ว่าส่วนใดทำเมนูไหนจะอร่อยเข้ากันที่สุด



เนื้อหมู
สันใน เป็นส่วนที่นุ่มมากที่สุด เหมาะกับการทำอาหารประเภทอบหรือย่าง เป็นหมูปิ้ง หมูปิ้งนมสด 
สันนอก มีความนุ่มปานกลาง และเป็นก้อนใหญ่ เหมาะกับอาหารที่ต้องหั่นหมูเป็นชิ้นใหญ่ๆ


สะโพก มีความนุ่มปานกลาง เหมาะกับอาหารประเภทผัดหรือทอด
สามชั้น เป็นส่วนที่มีหนัง เนื้อ และไขมันสลับกันเป็นชั้นๆ เหมาะกับการนำมาต้มหรือตุ๋นให้เปื่อย ทำเป็นไส้ของอาหารต่างๆ รวมทั้งทอดทั้งชิ้นเป็นหมูกรอบ

ขอบคุณที่มา http://www.naewna.com/



วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

โรคที่สำคัญในสุกร


โรคที่สำคัญในสุกร
โรคอหิวาต์สุกร
          เป็นโรคที่ระบาดรุนแรง เกิดจากเชื้อไวรัส พบว่าเป็นได้กับสุกรทุกอายุ เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายโดยการกินอาหาร กินน้ำ หายใจ หรือโดยทางบาดแผลที่ ผิวหนัง ใช้เวลาฟักตัว 3 วัน ถึง 3 สัปดาห์ แต่โดยทั่วไปประมาณ 7 วัน อาการที่พบคือ มีไข้สูง 105-108 องศาฟาเรนไฮต์ สุกรจะเบื่ออาหาร ซึม เยื่อตาอักเสบ (มีขี้ตา) ท้องผูก (ขี้เป็นเม็ด) และท้องร่วง (ขี้เป็นน้ำ) อาจพบอาการอาเจียนร่วมด้วย ผิวหนังบริเวณ หู คอ ท้อง และด้านในของขาหนีบ จะพบจุดเลือดออกเล็ก ๆ ทำให้ผิวหนังมีสีแดง และต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง ในแม่สุกรท้องอาจจะเกิดการแท้งลูก ติดต่อจากสุกรตัวหนึ่งไปยังตัวอื่น ได้รวดเร็วมาก ภายใน 7 วัน อาจเกิดโรคอหิวาต์ได้ทั้งฟาร์มเมื่อสุกรเป็นโรคอหิวาต์แล้ว อัตราการตายสูงถึง 90% และไม่มีทางรักษา 
          การป้องกัน ทำวัคซีนเมื่อลูกสุกรอายุประมาณ 6 สัปดาห์ และสำหรับสุกรพ่อแม่พันธุ์ ควรทำวัคซีนทุก 6 เดือน ห้ามทำวัคซีนกับสุกรที่อ่อนแอหรือ สัตว์ป่วย หรือในสุกรตั้งท้องแก่ใกล้คลอด หมูปิ้ง หมูปิ้งนมสด
 โรคปากและเท้าเปื่อย
          เป็นโรคติดต่อที่รุนแรง ติดต่อได้อย่างรวดเร็วในสัตว์กีบคู่ (โค, กระบือ , แพะ ,แกะ, สุกร) โรคนี้เป็นได้กับสุกรทุกอายุ อัตราการเกิดโรคสูง แต่อัตราการตายต่ำ เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งในเมืองไทยขณะนี่พบอยู่ 3 ชนิด คือ โอ เอ และเอเชียวัน (ชนิดโอรุนแรงที่สุด) เมื่อเชื้อ โรคเข้าสู่ร่างกายสุกรแล้วจะใช้เวลาในการฟักโรคประมาณ 3-6 วัน สุกรจะเริ่มแสดงอาการป่วยออกมาให้เห็น อาหารที่พบได้คือ มีตุ่มน้ำใสที่บริเวณ ปลายจมูก ปาก ลิ้น ริมฝีปาก เหงือก และผิวหนังบริเวณไรกีบ ต่อมาตุ่มน้ำใสจะแตก นอกจากนี้ยังพบอาการไข้สูง เบื่ออาหาร น้ำลายยืด ขาเจ็บ กีบลอกหลุด และน้ำหนักลด
          การป้องกัน ทำวัคซีนเมื่อลูกสุกรอายุประมาณ 7 สัปดาห์ และทำวัคซีนอีกครั้ง ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา และสำหรับสุกรพ่อแม่พันธุ์ ทำวัคซีนทุก ๆ 4-6 เดือน  
 
          นอกจากนี้ก็มีโรคติดต่อในสุกรชนิดอื่นซื่งมีความสำคัญ ต้องอาศัยวิธีป้องกันโรค เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคโพรงจมูกอักเสบ โรค ที.จี.อี. ( โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบติดต่อ) โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไฟลามทุ่ง เป็นต้น 

ขอบคุณที่มา http://guru.sanook.com/3950/ 



วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

หมดสงสัย? ว่าเนื้อหมูอาจเป็นเนื้ออย่างอื่น!!!

จะหยิบจะกินอะไร สมัยนี้บางคนก็ระแวงไปหมด นี่คืออะไร? นี่เนื้ออะไรเอามาทำหมูปิ้งหรือหมูปิ้งนมสด? มีแต่ความไม่แน่ใจ ลองไปดูเนื้อหมูแบบใหม่ของญี่ปุ่น ที่จะไม่ทำให้คุณกังวลว่า "มันเนื้ออะไร" เพราะเป็นคือ หมูแบบเน้นๆ หมูตัวเป็นๆ เลิกระแวงไปได้เลย...


ขอบคุณที่มา http://webboard.news.sanook.com/

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

รูปแบบการเสียบไม้ของหมูปิ้งเสียบหมู

เสียบหมูปิ้ง

  • รูปแบบการเสียบหมูปิ้ง เพื่อนๆชอบแบบไหนกันครับ ไม่ว่าแบบไหนก็อร่อยเหมือนกัน แต่อย่าทานเยอะนะครับมันจะทำให้เกิดปัญหา 

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

หมูดำคุโรบูตะต่างจากหมูธรรมดาอย่างไร?

หากพูดถึงสุดยอดของเนื้อวัวเราอาจจะนึกถึง “โกเบ มัตซึซากะ หรือวากิว” แต่ถ้าพูดถึงสุดยอดเนื้อหมูแล้วละก็ ก็คงหนีไม่พ้น “หมูดำคูโรบูตะ” เป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีแล้วที่คนไทยมีโอกาสได้รับประทานผลิตภัณฑ์หมูคูโระบูตะกันอย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันหลายคนก็ยังสงสัยว่า เบื้องหลังความอร่อยที่ส่งตรงถึงบ้านคุณนั้นคืออะไร และหมูคูโรบูตะนี้ต่างจากเนื้อหมูธรรมดาอย่างไรกันแน่



ดร.สัจจา ระหว่างสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ กล่าวว่า หมูคูโรบูตะจะมีเอกลักษณ์ต่างจากหมูธรรมดา คือ มีขนสีดำ และเนื่องจากการเลี้ยงดูที่ดี อย่างการป้อนมันหวาน ให้พักผ่อนเต็มที่ และที่อยู่อาศัยสบาย ทำให้เนื้อหมูมีไขมันแทรกอยู่ในกล้ามเนื้อ หรือที่เรียกกันว่า ลายหินอ่อน (Marbling) มากกว่าปกติ ส่งผลให้เนื้อมีความนุ่มกว่าเนื้อหมูปกติกว่า 30% และรสชาติของเนื้อจะมีความฉ่ำ นุ่ม เนื่องจากมีอัตราการระเหยของน้ำจากเนื้อระหว่างปรุงอาหารน้อยกว่า โดยปกติแล้วเนื้อสัตว์ ไม่ว่าวัวหรือหมู จะมีราคาสูงขึ้นตามปริมาณไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อ แต่หมูคูโรบูตะของซีพีเอฟมีราคาย่อมเยาที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ

“แม้ว่าเนื้อหมูคูโรบูตะจะมีไขมันแทรกในชั้นกล้ามเนื้อมากกว่าปกติ แต่ไขมันดังกล่าวเป็นไขมันดี ที่ให้พลังงานและสารอาหารแก่ร่างกาย พร้อมทั้งช่วยในการย่อยสลายคอเลสเตอรอล ทั้งยังมีวิตามินบี 1 มากกว่าเนื้อวัวถึง 10 เท่า และวิตามินจะไม่สลายไป เมื่อโดนความร้อนจากการปรุงอาหาร”

เนื้อหมูคูโรบูตะเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นเนื้อปลอดภัย รสชาติอร่อย กินแล้วไม่อ้วน และที่สำคัญ ราคาไม่สูงลิ่วเท่ากับเนื้อวัวมัตซึซากะ-วากิว-โกเบ

ร้านอาหารชื่อดังหลายแห่งก็ได้นำเนื้อหมูคูโรบุตะมาปรุงเป็นอาหารรสเลิศ ยกตัวอย่างเช่น หมูดำสไลด์ชิ้นบางสำหรับชาบู ชาบู ที่หอม นุ่ม ละลายในปาก กินคู่กับน้ำจิ้มรสเข้มข้น หมูปิ้ง และพอร์คชอปชิ้นหนา เต็มๆคำ ย่างไฟในเตาถ่านให้มีกลิ่นหอมรัญจวนใจ หรือจะเป็นชิ้นหมูดำสามชั้นที่หมักเครื่องเทศ แล้วนำทอดจนกรอบออกสีเหลืองทอง รวมไปถึงเบค่อนหมูดำพันเห็ดเข็มทองผัดเนย ก็เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้อย่างดี

ขอบคุณที่มา : www.cpthailand.com

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

หมูพันธุ์ต่างประเทศ

หมูพันธุ์แลนด์เรซ หมูพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเดนมาร์ก เป็นหมูประเภทเบคอนที่ดีที่สุด เจริญเติบโต และเนื้อมีคุณภาพดี มีสีขาวตลอดลำตัว แต่อาจมีจุดดำบนผิวหนังได้บ้าง ลำตัวและหลังค่อนข้างตรง ใบหูใหญ่และปรก จมูกตรง คางเรียบ ให้ลูกดก และเลี้ยงลูกเก่ง ในประเทศไทยมีเลี้ยงกันอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะภาคกลางของประเทศมีเลี้ยงกันมาก



หมูพันธุ์ลาร์จไวต์ หมูพันธุ์นี้ในสหรัฐอเมริกาเรียกพันธุ์ยอร์กเชอร์ (Yorkshire) ถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ เป็นหมูประเภทเบคอนที่ให้เนื้อมาก เติบโตเร็ว มีสีขาวตลอดลำตัว หัวโตปานกลาง หูตั้ง ตัวเมียให้ลูกดก และเลี้ยงลูกเก่ง

หมูพันธุ์ดูร็อก หมูพันธุ์ดูร็อกมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหมูประเภทเนื้อขนาดใหญ่ รูปร่างหนาลึก ความยาวของลำตัวสั้นกว่าหมูพันธุ์แลนด์เรซ และพันธุ์ลาร์จไวต์ สะโพกใหญ่เด่นชัด มีสีตั้งแต่แดงเข้มไปจนอ่อน หัวมีขนาดปานกลาง หูย้อยไปข้างหน้า

หมูพันธุ์ลูกผสม เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ต่างประเทศด้วยกัน ส่วนใหญ่เจริญเติบโตเร็ว เป็นที่นิยมกันมากในการเลี้ยงเป็นหมูขุน

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

พันธุ์หมูในประเทศไทย



หมูพันธุ์พื้นเมือง

หมูพันธุ์พื้นเมืองปัจจุบันมีจำนวนค่อนข้างน้อยมาก จะพบในบางท้องถิ่นเท่านั้น ส่วนใหญ่มักจะได้รับการผสมพันธุ์จากหมูพันธุ์ต่างประเทศ

เนื่องจากไม่ได้รับการปรับปรุง หรือคัดเลือกให้เป็นหมูพันธุ์ที่ดี หมูพันธุ์พื้นเมืองจึงมีลักษณะ และคุณสมบัติโดยทั่วไปเลวลง คือ มีขนาดเล็ก เติบโตช้า สามารถเปลี่ยนอาหารไป เป็นเนื้อได้น้อย คุณภาพค่อนข้างต่ำ คือ มีเนื้อแดงน้อย มันมาก ลำตัวสั้น หนังแอ่น สะโพกและไหล่เล็ก หมูพันธุ์พื้นเมืองแบ่งออกเป็นพันธุ์ต่างๆ ได้ดังนี้

หมูพันธุ์ไหหลำ

หมูพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของประเทศจีน พบในภาคกลาง และภาคใต้ของประเทศไทย ลำตัวมีสีขาวกับดำปนกัน สีดำมากในตอนหัว ไหล่ หลัง และบั้นท้าย ส่วนตอนล่างของลำตัวมีสีขาว

หมูพันธุ์ไหหลำมีหัวได้รูปงาม จมูกยาวและแอ่นเล็กน้อย คางย้อย และไหล่ใหญ่ ลำตัวยาวปานกลาง หลังแอ่น สะโพกเล็ก ขาและข้อเหนือกีบเท้าอ่อน หมูไหหลำเติบโต และสืบพันธุ์ ดีกว่าหมูพันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ

หมูพันธุ์ควาย

พบเลี้ยงในภาคเหนือของประเทศไทย สีของหมูพันธุ์นี้คล้ายสีของหมูพันธุ์ไหหลำ แต่ลำตัวมีสีดำเป็น

ส่วนใหญ่ จมูกของหมูพันธุ์ควายตรงกว่า และสั้นกว่า และมีรอยย่นมากกว่า ลำตัวเล็กกว่าหมูพันธุ์ไหหลำ ไหล่และสะโพกเล็ก ขาและข้อเหนือกีบเท้าอ่อน พ่อหมูพันธุ์ควาย โตเต็มที่หนัก ๑๒๕-๑๕๐ กิโลกรัม แม่หมูหนัก ๑๐๐-๑๒๕ กิโลกรัม น้ำหนักที่เหมาะสำหรับส่งตลาด ประมาณ ๘๐ กิโลกรัม

หมูพันธุ์ราด

พบเลี้ยงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย หัวของหมูพันธุ์ราดมีรูปงามยาวและตรง ลำตัวสั้นและแน่น กระดูกแข็งแรง แต่เจริญเติบโตช้า

หมูพันธุ์พวง

เลี้ยงกันมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีสีดำ หมูพันธุ์พวงเป็นหมูที่มีผิวหนังหยาบมากที่สุด ดังนั้น จึงขายได้ในราคาต่ำกว่าหมูพันธุ์อื่น หมูพันธุ์พวง ส่วนมากใช้ผสมกับหมูพันธุ์ราด เพื่อให้ได้รูปขนาด และการเจริญเติบโตดีขึ้น อย่างไรก็ตามการนำหมูพันธุ์ต่างประเทศมาผสม เพื่อปรับปรุงพันธุ์จะได้ผลดีกว่า

ขอบคุณที่มา : kanchanapisek.or.th/